วัดบ้านโนนกระเดา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ติดอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นสถานที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มจากชาวบ้านออกเรือหากุ้งก้ามกรามตั้งแต่เช้า โดยใช้มอง หรือตาข่ายดักกุ้ง ขนาด 13 – 17 เซนติเมตร เพื่อให้ได้กุ้งใหญ่อายุ 1 ปีขึ้นไป กุ้งเหล่านี้ทางเขื่อนอุบลรัตน์ได้งบประมาณจากกรมประมงมาเพาะพันธุ์และปล่อยลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ และแหล่งน้ำจืดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน เฉลี่ยปีละ 10 ล้านตัว เฉพาะในเขื่อนอุบลรัตน์ 3 – 4 ล้านตัว เพื่อคงความหลากหลาย ให้ชาวบ้านมีสัตว์น้ำไว้บริโภค และเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ สร้างมูลค่าเพิ่ม 3 เท่า จากงบประมาณที่ลงทุน เฉพาะที่เก็บข้อมูลได้กว่า 2 ล้านบาท ชาวบ้านสามารถหากุ้งก้ามกรามได้ตลอดทั้งปี ช่วงที่หาได้เยอะ คือ หน้าหนาวยาวไปจนถึงหน้าร้อน ซึ่งน้ำนิ่ง และใสกว่าหน้าฝน
จากนั้น เจ้าหน้าที่นำกุ้งมาชั่งน้ำหนัก ดูความสดใหม่ ไม่เน่าเปื่อย ความสมบูรณ์ของหนวด หาง ขา ก้าม และเปลือก ลำตัวไม่ยุบ สีสันสดใสสวยงามเป็นธรรมชาติ เป็นต้น เที่ยวนี้ ชาวบ้านหาได้ตัวใหญ่สุดหนักกว่า 5 ขีด ที่นี่จำหน่ายตัวละ 500 บาท แต่ถึงตลาดราคาพุ่งเป็น 700 บาทขึ้นไป กุ้งตัวเมียมีไข่ ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เพราะแม่กุ้งจะให้ลูกถึง 50,000 ตัว
อีกกิจกรรม คือ การแข่งขันประกอบอาหารวิถีประมงพื้นบ้าน ของตัวแทน 11 หมู่บ้านในตำบลนาหว้า ที่รังสรรค์เมนูเพื่อเอาชนะใจกรรมการ เช่น ลาบหอยสบนก หรือ หอยกีบกี้ ปลานิลลวกมะนาว ฉู่ฉี่ปลานิล หมกปลาตองกาย เกณฑ์การให้คะแนน ดูทั้ง รสชาติ เอกลักษณ์ความเป็นอาหารพื้นบ้าน ความคิดสร้างสรรค์ เทคนิคในการทำอาหาร เป็นต้น
นายธาดา พรหมสาขา ณ สกลนคร รองนายก อบจ.ขอนแก่น ประธานศูนย์บริหารงานอุทยานธรณีขอนแก่น เชื่อว่า ตรงนี้จะเป็นแหล่งดึงดูดผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวดูวิถีชาวบ้าน แล้วก็ยังเป็นการส่งเสริมให้เขามีผลิตภัณฑ์ที่จะออกไปสู่ท้องตลาดที่มีราคาสูงขึ้น มีแพ็คเกจที่สวยงาม สามารถส่งขายในราคาที่สูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นความมุ่งหวังของอุทยานธรณีขอนแก่นที่ต้องการทำให้ชาวบ้านได้เป็นที่รู้จักของคนข้างนอก
“ที่นี่มีวิวที่สวยมากนะครับ หลังจาก แข่งขันประกวดเสร็จแล้ว เราทำพิธีเปิดแล้ว เราจะไปปล่อยเรือ เรือวันนี้จะไม่เหมือนเรือที่ท่านทั้งหลายเคยเห็น เรือจะมีสีสันนะครับ แล้วก็เราจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ริมเขื่อนกันนะครับ” รองนายก อบจ.ขอนแก่น กล่าว
ทีมข่าว ขอนแก่น
